เขายืนอยู่หน้าประตูคุกอยู่นาน ก่อนจะสะพายเป้แล้วเดินจากมา เขาไปถึงที่ๆเขาเคยอาศัยอยู่เมื่อ 15 ปีก่อน นึกไม่ถึงว่าจะได้ยินเจ้าของบ้านบอกว่า เจ้าของบ้านเมื่อ 15 ปีที่แล้วขายบ้านไปแล้วและไม่รู้ว่าตอนนี้ย้ายไปอยู่ที่ไหน

เมื่อรถทัวร์มาถึงทางเข้าหมู่บ้าน เขาก็ลงจากรถมายืนมองบ้านเกิดที่ไม่ได้เห็นมา 15 ปี เขาเกิดความกลัวขึ้นมาซะอย่างนั้น ยืนทำใจอยู่นานถึงได้เดินมุ่งหน้าไปที่บ้าน
พอเดินมาถึงหน้าประตูเขาก็ไม่กล้าเข้าไป ยืนลังเลอยู่ข้างหน้า พอดีกับเด็กวัยรุ่นคนนึงสะพายกระเป๋านักเรียนเดินมาทางเขา มองเขาอยู่พักนึงแล้วก็ถามว่าเขาเป็นใคร ทำไมมายืนอยู่หน้าบ้าน
เขามองเด็กหนุ่มกลับ มือเขาเริ่มสั่น ถามออกไปว่านี่บ้านของ หม่าเทียนฉายใช่มั้ย
เด็กชายพนักหน้า แล้วจ้องหน้าเขา ถึงตอนนั้นเองประตูก็เปิดออก หญิงวัย 40 กว่าเดินออกมาจากข้างใน มองไปที่เด็กหนุ่ม : “คุยกับใครน่ะลูก แม่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าไปคุยกับคนแปลกหน้า”
เขาได้ยินเสียงนั้น ก็รีบหันไปมอง ที่แท้ก็คืออาโยภรรยาของเขานั่นเอง ตอนนี้เธอไม่ได้สวยหยดย้อยเหมือนสมัยก่อน ผมก็เริ่มมีสีขาวประปราย อาเฉียงเรียกชื่อเธอออกมาเบาๆ : “อาโย”
อาโยหันมามองอาเฉียง จ้องอยู่นานแล้วก็เดินเข้าไปจับมือเขา ยังไม่ได้พูดอะไรเธอก็น้ำตาไหลพราก เด็กหนุ่มก็เลยมองหน้าเขาอย่างสงสัย
อาเฉียงได้กลับมาเจอเมีย เจอแม่อีกครั้ง แถมยังได้รู้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นก็คือลูกชายของเขาเอง เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเหตุการณ์จะกลายเป็นแบบนี้ แม่เขาเป็นอัมพาตต้องนอนอยู่บนเตียง ทำอะไรเองไม่ได้ ต้องให้เมียเขาเป็นคนดูแล ส่วนพ่อก็เสียชีวิตไปในอุบัติเหตุรถยนต์ตั้งแต่เมื่อ 15 ปีที่แล้วหลังเขาเข้าคุกไปไม่นาน
หลังอาเฉียงติดคุก อาโยถึงได้รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ แต่ตอนนั้นพ่อสามีก็เกิดอุบัติเหตุรถชน แม่สามีก็เข้าโรงพยาบาล เธอก็เลยไม่มีเวลาไปเยี่ยมอาเฉียง หลังจากนั้นก็มีเรื่องมากมายให้ต้องจัดการ ทำให้เธอเหนื่อยจนเป็นลมต้องเข้าโรงพยาบาล แล้วถึงได้รู้ว่าตัวเองท้อง แล้วเธอก็แพ้ท้องเป็นอย่างมาก จากนั้นฐานะทางเศรษฐกิจของที่บ้านก็เริ่มแย่จนเธอต้องพาแม่สามีกลับมาอยู่บ้านนอก แล้วก็ให้กำเนิดลูกชายที่นี่ จากนั้นเธอก็ต้องทั้งดูแลแม่สามี ดูแลลูก ทำงานหาเงิน ไปมีเวลาไปหาสามี
15 ปีมานี้เธอเข้มแข็งขึ้นอย่างมาก แม่ว่าบางครั้งจะเหนื่อยจนต้องแอบร้องไห้ตอนกลางคืน แต่พอเห็นหน้าลูก เธอก็เต็มไปด้วยความสุข และความหวัง
ถึงวันนี้อาเฉียงกลับมาแล้ว เธอดีใจเป็นอย่างมาก แต่ก็รู้สึกผิดที่ 15 ปีมานี้ไม่ได้ไปเยี่ยมเขาเลย ไม่รู้ว่าสามีจะโกรธมั้ย
ส่วนลูกชายก็ยืนเงียบๆอยู่ข้างๆ ไม่เรียกพ่อ ไม่พูดอะไร ใบหน้าเรียบเฉย ไม่มีสีหน้าแบบที่วัยรุ่นควรมี
อาเฉียงรู้ตัวว่าต้องให้เวลาลูกปรับตัว เขาสาบานกับตัวเองในใจ ต่อจากนี้ไปเขาจะไม่ให้ภรรยาต้องลำบากอีกแล้ว

แม้ว่าลูกชายจะยังไม่เรียกเขาว่าพ่อ แต่ความสัมพันธ์พ่อลูกก็ดีขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งลูกยังเป็นคนเริ่มบทสนทนากับเขาเอง แม้ว่าจะไม่ได้คุยอะไรกันมากมาย แต่อาเฉียงก็หน้าบานไปครึ่งวัน ยิ้มไม่หุบ
3 ปีผ่านไป อาเฉียงก็ปลูกบ้านใหม่ จ้างคนมาช่วยดูแลสวนผลไม้ วันๆนึงยุ่งกับทั้งงานในบ้าน ในสวน ตกเย็นก็พาภรรยาไปเดินเล่น
สามปีมานี้ เขาใช้การกระทำของตนเองทำให้ลูกใจอ่อน ลูกชายเรียกเขาว่าพ่อแล้ว หลังเลิกเรียนเขาจะเข้าไปในสวนกับพ่อ ชีวิตแบบนี้อาเฉียงไม่เคยคิดถึงมาก่อน เขารู้ว่าเขามีทุกสิ่งทุกอย่างวันนี้ได้ก็เพราะภรรยา!
สมมติว่าถ้า 3 ปีที่แล้วเขากลับมาแล้วไม่เจอภรรยา ไม่เจอแม่ ไม่เจอลูกชาย เขาก็จะไม่มีชีวิตแบบนี้ เพราะงั้นในใจเขาแล้ว นอกจากแม่ ก็มีแค่เมียนี่แหล่ะที่เขาทั้งรักและบูชา เขาอยากตอบแทนทุกสิ่งที่เธอทำให้ใน 15 ปีที่ผ่านมา
น้ำตาลูกผู้ชาย...หลังติดคุกไป 15 ปีในที่สุดก็เป็นอิสระ เขาคิดว่า "ตัวเองไม่เหลืออะไรแล้ว" แต่พอกลับไปบ้านนอกเขากลับพบในสิ่งที่ไม่คาดฝันนี้?!