เมื่อลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกันมางานแต่งใส่ซองแค่ 1,600 แต่กลับบอกว่าใส่มา 6,000! หนำซ้ำยังยืนยันชัดว่าใส่เท่านี้จริงๆ จนเจ้าของงานเอะใจและกลับไปดูกล้องวงจรปิดจนได้พบกันความจริงบางอย่าง…ทำเอาเจ้าตัวถึงกับพูดไม่ออก!!!

ปกติแล้ว “งานแต่งงาน” การใส่ซองถือเป็นเรื่องที่สำคัญไม่น้อย เพราะจำนวนเงินจะมากหรือจะน้อยนั้นขึ้นอยู่กับ “ความสนิท” ต่อคู่บ่าวสาว แต่แน่นอนว่า พ่อแม่ญาติพี่น้อง รวมไปถึงเพื่อนคนสนิท ก็มักจะต้องใส่ซองให้เหมาะสมกับความสนิทที่มีให้ต่อตัวบ่าวสาวเป็นพิเศษ

เป็นเหตุการณ์เมื่อไม่นานมานี้มีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเขาได้มีโอกาสไปร่วมงานแต่งงานของพี่ชายคนสนิท เหตุการณ์นี้ทำให้เขาไม่มีทางลืมลง จนต้องออกมาเปิดเผยเรื่องราวที่เจอมากับตัวเอง ผ่านเว็บไซต์ของต่างประเทศ โดยมีใจความว่า..


“เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ผมได้มีโอกาสไปร่วมงานแต่งงานของพี่ชายคนสนิท เราเป็นลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันก็มาก พี่ชายดีกับผมมาตลอด เขาไม่เคยขออะไรจากผมเลย มีแต่ให้กับให้เสียมากกว่า ทำให้ผมคิดที่จะตอบแทนพี่ด้วยการใส่ซองงานแต่งให้สมน้ำสมเนื้อ ก่อนไปงานเลี้ยงผมและกลุ่มญาติที่สนิทกันนัดกันไปกดเงินเพื่อจะใส่ซองให้พี่ชาย เราทุกคนลงความเห็นว่าจะใส่กันคนละ 6,000 บาท หรือถ้าใครมีกำลังมากกว่านั้นก็สามารถใส่เยอะกว่านั้นได้ จากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปยังสถานที่จัดงาน พิธีทุกอย่างผ่านไปด้วยดี แขกทุกคนสนุกสนานกับงานเลี้ยงครั้งนี้มาก ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น..


(เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)


จนกระทั่งหลังจากงานแต่งงานผ่านไป 1 สัปดาห์ พี่ชายและพี่สะใภ้นัดผมและเพื่อนที่เป็นญาติสนิทไปทานข้าวเย็นด้วยกันเหมือนทุกครั้ง พวกเราพูดคุยกันไปต่างต่างนานา จนกระทั่งพี่สะใภ้พูดติดตลกว่า “ไอ่น้องชายตัวแสบ! ชั้นน้อยใจพวกแกมากเลยนะ งานแต่งพี่ชายแกทั้งที พวกแกใส่ซองมาแค่ 1,600 บาทเนี่ยนะ!? นี่ชั้นแอบเคืองมากนะจะบอกก่อน” (ผมกับพี่สะใภ้สนิทกันไม่แพ้กับพี่ชาย ผมรักและนับถือพี่สะใภ้เหมือนพี่สาวแท้ ๆ คนหนึ่ง เธอเองก็ดูแลผมดีไม่แท้พี่ชาย ทำให้เราทั้งคู่สามารถพูดคุยกันทุกเรื่องแบบตรง ๆ ได้โดยไม่รู้สึกอึดอัด) ผมกับเพื่อนที่เป็นญาติสนิทได้ยินแบบนั้นก็ตกใจแล้วรีบหันมองหน้ากัน! เพราะเรา 2 คนรู้ดีว่าญาติทุกคนที่นั่งร่วมโต๊ะเดียวกันในวันนั้นใส่ซองกันไปคนละเท่าไหร่ ผมจึงรีบบอกไปว่า “พี่! วันนั้นพวกผมใส่ซองกันไปคนละ 6,000 ขึ้นไปเลยนะครับ! พวกเราแวะไปกดเงินด้วยกันอยู่เลย” เพื่อนที่เป็นญาติสนิทอีกคนรีบยืนยันอีกเสียง เพราะมันเองก็อยู่ในเหตุการณ์นี้เช่นกัน!


(เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)


ทั้งพี่ชายและพี่สะใภ้ต่างตกใจมาก! หลังจากได้ยินที่เรา 2 คนเล่า พี่สะใภ้ฉุกนึกถึงได้ว่า งานแต่งงานวันนั้น ทั้งคู่ไม่ได้เป็นคนรับซองจากแขกในงานด้วยตัวเอง กลับวางใจให้คนจัดงานดูแลความเรียบร้อยของงานทั้งหมด จนรวมไปถึงเรื่องกล่องเงินใส่ซอง พวกเรา 4 คนรีบมุ่งหน้าไปที่สถานที่จัดงานแต่งงานเพื่อขอดูกล้องวงจรปิด เพื่อจะนำไปเป็นหลักฐาน จากนั้นรีบมุ่งหน้าไปที่ร้านรับจัดงานแต่งงาน เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายคืน ในวันนั้นมีพนักงาน 2 คนที่ทางร้านส่งไปดูแลความเรียบร้อย จึงได้เรียกมาสอบถาม จนกระทั่งทั้งคู่ยอมรับความจริงว่าได้แอบหยิบเงินออกไปจากซองจริง แต่ทั้งคู่บอกว่าเอาออกไปเพียง 2 หมื่นเท่านั้น เพราะในหลักฐานเป็นภาพจากระยะไกล ทำให้ไม่รู้แน่ชัดว่าความจริงแล้วทั้งคู่แอบหยิบเงินไปทั้งหมดเท่าไหร่กันแน่ ในเมื่อไม่มีหลักฐานพี่ชายและพี่สะใภ้จึงเรียกร้องขอให้รับผิดชอบเพียงแค่ 2 หมื่นเท่านั้นและไม่คิดเอาความใด ๆ พี่ชายบอกว่าเพราะส่วนหนึ่งก็มาจากความสะเพร่าของตัวเองและภรรยา ที่ให้ใครก็ไม่รู้มาดูแลเรื่องซองแทนที่จะหาคนในครอบครัวหรือคนที่ไว้ใจ พี่ชายและพี่สะใภ้ได้ให้ทางร้านเป็นคนตัดสินใจ ว่าจะลงโทษพนักงาน 2 คนนี้อย่างไร และดูเหมือนว่าทางร้านจะตัดสินใจหักเงินเดือนทั้งคู่เพื่อเป็นค่าชดเชยให้พี่ชายผม พร้อมกับไล่ออกทันที!


หลังจากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปยังโลกโซเชียล ชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็น อาทิเช่น “เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ สำคัญมาก! ไม่ควรให้คนอื่นดูแล”, “ความจริงแล้วควรให้ญาติหรือเพื่อนสนิทที่ไว้ใจมาดูแลมากกว่านะ”, “เงินเดือนไม่พอหรอถึงต้องทำตัวแบบนี้!?”, “คนเก็บซองควรเป็นคนที่คุณไว้ใจ.. ควรเป็นครอบครัวหรือเพื่อนมากกว่านะ”


ที่มา thaijobsgov , liekr



เมื่อลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกันมางานแต่งใส่ซองแค่ 1,600 แต่กลับบอกว่าใส่มา 6,000! หนำซ้ำยังยืนยันชัดว่าใส่เท่านี้จริงๆ จนเจ้าของงานเอะใจและกลับไปดูกล้องวงจรปิดจนได้พบกันความจริงบางอย่าง…ทำเอาเจ้าตัวถึงกับพูดไม่ออก!!!
ใหม่กว่า เก่ากว่า