10 สถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อว่าเป็น "ประตูสู่นรก" เมื่อทราบถึงตำนานอันสยอง ฟังเเล้วถึงกับไม่กล้าไปเที่ยวกันเลย

สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมีอยู่รอบโลกที่รอให้เราได้ไปสัมผัสกัน แต่ใครจะรู้ว่าในเเต่ละสถานที่ท่องเที่ยวในเเต่ละที่นั้นก็จะมีเรื่องราวที่ชวนขนหัวลุกเเละตำนานสุดสยอง ที่เราได้รู้เเล้วอาจจะไม่กล้าที่จะไปเที่ยวเลยก็ได้ แต่ยังไงมันก็เป็นแค่ตำนานที่เราอาจจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ จะมีที่ไหนกันบ้างไปชมกันเลยค่ะ


 


 


1.ภูเขาไฟ Hekla ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศไอซ์แลนด์

เป็นอีกหนึ่งภูเขาที่มีการปะทุมากที่สุด จนในช่วงยุคกลาง ชาวยุโรปได้ขนานนามให้ว่า “ประตูสู่นรก” ย้อนกลับไปเมื่อ 1104 ตอนที่ภูเขาไฟ Hekla ระเบิดครั้งเเรก มีลาวาหลออกมาจากภูเขา เสมือนไฟนรกได้ปะทุขึ้นมา ส่วนชาวบ้านที่มีความเชื่อเรื่องโชคลางต่างๆ บอกว่า ภูเขาไฟเป็นที่ชุมนุมของเเม่มดเพื่อคอยทำตามคำสั่งของสิ่งลี้ลับ นอกจากนี้ตำนานยังเล่าว่า ทุกครั้งที่ภูเขาไฟปะทุขึ้น จะมีเงาดำๆ ออกมาจากภูเขาและบินวนรอบๆ


 


2.ภูเขาไฟ Masaya

คนพื้นเมืองของ  Masaya เชื่อว่าปากสมรภูมิของชีวิตหลังความตาย พวกเขาเชื่อว่า ภูเขาไฟคือพระเจ้าโดยภายในหลุมนี้มีเเม่มดอาศัยอยู่ ที่ได้ชื่อว่า ประตูสู่นรก เนื่องจากที่นี่นตรงกับคำในพยากรณ์ในพันธสัญญาใหม่ ที่อธิบายถึงนรกว่าเป็นดินเเดนที่ไฟลุกโหมในหลุมลึกที่ไม่มีจุดจบ และพ่นครัวตลบกลบเเสงตะวัน ในใบเบิลกล่าวชัดเจนว่า นรกถูกตระเตรียมไว้สำหรับปีศาจ ยมทูต ซาตาน คณะบาทหลวงนำไม้กางเขนปักลงปากปล่อง มันตั้งอยู่เรื่อยๆ มาอีกตลอด 500 ปี จนเกิดการปะทุครั้งใหม่จึงหายไป

ในยุคกลาง ชาวคริสต์เชื่อว่าซาตานได้ก่อกบฏต้านพระเจ้า จึงถูกจับลงจากสวรรค์ ลงสู้ใต้โลกผ่านรอยเเยกขนาดใหญ่ สู่หลุมลึกลงไปใต้ผืนโลก และนักบวชต่างย้ำเชื่อหนักหนาว่า ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาคือดินเเดนปีศาจที่ปกครองโดยซาตาน


3.นรกเเห่งเซนต์แพทริก

ตำนานของชาวไอริชเซนต์แพททริกนั้น มีความเกี่ยวข้องกับเกาะ Station ซึ่งเป็นส่วนเล็กๆ ของประเทศไอซ์แลนด์

ตามตำนานเล่าว่า หลังจากแพทริกสร้างความผิดหวังให้กับบรรดาลูกศิษย์ พระคริสต์จึงปรากฏตัวขึ้น และนำเขาไปยังถ้ำที่อยู่ในเกาะ Station ภายในถ้ำนั้นมีหลุมที่เรียกว่า ประตูสู่นรก ที่มีไว้สำหรับลงโทษวิญญาณของคนชั่ว ก่อนที่จะนำพวกเขาไปสวรรค์ในภายหลัง และวิญญาณของแพททริกก็ได้ถูกนำมาที่นี่เช่นกัน

ต่อมาในปี 1632 ไอซ์แลนด์ก็มีคำสั่งให้ปิดถ้ำเเห่งนี้ และตำนานต่างๆ ที่ถูกบันทึกไว้ก่อนหน้านี้ ก็ถูกทำลายเช่นกัน แต่เหล่านักเเสวงบุญยังคงเเวะเวียนมาที่นี่ เพื่อมาอดอาหารธิษฐาน เพราะเชื่อว่าเป็นการได้ใกล้ชิดกับพระเจ้า


 


4.Chinoike jigoku

เป็นน้ำพุร้อนที่เก่าเเก่ที่สุดของญี่ปุ่น หรือที่เรียกกันว่า “บ่อนรก” เพราะมีโคลนสีเเดงเหมือนเลือด ตั้งอยู่ในเมือง Beppu จังหวัดโออิตะ มานานกว่า 1300 ปีเเล้ว

ตามตำนานเล่าว่ามันคือทางเข้าสู่โลกหลังความตาย ถ้าใครพลาดตกลงไป ยากที่จะมีชีวิตกลับมา เพราะน้ำมีอุณหภูมิสูงถึง 78 องศาเซลเซียส


5.ถ้ำ sybil

cumean sibyl เป็นทางไปสู่นรก ที่อยู่ในอุโมงค์ Naples ใกล้กับ Baiae ที่ได้ชื่อว่า เป็นประตูสู่นรก เพราะรูปเเบบของอุโมงค์ มีลักษณะสอดคล้องกับคำอธิบายใน Aeneid ซึ่งเป็นเรื่องราวของ  Aeneas ที่เดินทางไปนรกและได้กลับมา

ดังนั้นถ้ำ sybil ซึ่งเป็นเสมือนสะพานเชื่อมระหว่างโลกที่มีชีวิตอยู่กับโลกเเห่งความตาย


 


6.ประตูเจ็ดสู่นรก

ประตูเจ็ด (Seven Gates) ต้องอยู่ที่เเม่น้ำ Susquehanna ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของเมือง Hellam ในสหราชอาณาจักร ตามตำนานเล่าว่า ประตูทั้ง 7 นั้น มีเพียงประตูเดียวที่สามารถมองเห็นได้ในเวลากลางวัน นอกนั้นจะเห็นเฉพาะในเวลากลางคืน เดิมนั้นที่นี่นเคยเป็นโรงพยาบาลบ้า แต่เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ ทำให้ผู้ป่วยหลบหนีออกมา แต่มีประตูเจ็ดบานที่ไม่สามารถเปิดได้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก หรือหากใครรอดมาก็จะถูกฆ่าตาย

อีกตำนานหนึ่งเล่าว่า ประตูเจ็ด เกี่ยวข้องกับหมอประจำท้องถิ่น ที่สร้างประตูขนาดใหญ่ไว้ เพื่อเก็บสมบัติของตัวเอง บางคนบอกว่า ประตูเหล่านี้นำไปสู่ป่าลึกที่ซ่อนอยู่ปลายถนน และใครก็ตามที่เดินไปถึงประตูที่ 5 จะไม่ได้กลับออกมาอีก


7.ถ้ำ Cape Matapan

ตั้งอยู่ในประเทศกรีซ เป็นหนึ่งทางเข้าที่ชาวกรีกขนานนามให้ว่า “ทางสู่นรก” เล่ากันว่า เป็นเส้นทางที่ไปช่วยชีวิต Eurydice ในนรก และในคำอธิบายของกรีซตั้งเเต่ศตวรรษที่ 2 ยังบอกอีกว่า เฮอร์คิวลีสได้ช่วย Cerberus (สุนัขหลายหัวที่คอยปกป้องประตูนรก) ออกมาจากนรก โดยผ่านเส้นทางนี้เช่นกัน แต่ปัจจุบันนั้นเปิดให้เข้าไปเที่ยวชมได้ แต่ต้องใช้เรือผ่านประตูนรก


8.Mexican Cenotes ประเทศเม็กซิโก

แม้จะดูเป็นถ้ำที่สวยงาม แต่ที่นี่กลายเป็นสถานที่ฝังศพ และเมื่อปีที่เเล้วก็มีบุคคลนิรนามมาเสียชีวิตที่นี่เช่นกัน ตอนนี้เหลือเพียงโครงกระดูกของเขาที่คอยจ้องมองนักดำน้ำที่มาเยยือนที่นี่ และที่หลอนไปกว่านั้น โครงกระดูกอยู่นางเอื้อมไปรับเเสงที่ตกกระทบตรงปากถ้ำพอดี ไม่ใช่เเค่ศพเดียวเท่านั้น ที่นี่มีศพมากกว่า 125 ศพ โดยไม่มีใครรู้ว่า พวกเขามาตายที่นี่ได้อย่างไร หรือเเม้กระทั่งพวกเขาเป็นใคร ก็ไม่มีใครรู้


 


9.ภูเขา Osore คาบสมุทร Shimokita ประเทศญี่ปุ่น

เป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของญี่ปุ่น (เป็นที่รู้จักกันว่า ภูเขาแห่งไฟหรือภูเขาแห่งความกลัว) ถูกขนานนามว่าเป็นทางสู่นรก ที่มีอาณาเขตติดกับเเม่น้ำ Sanzu

เเม่น้ำ  Sanzu เป็นเเม่น้ำที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อของพุทธศาสนาว่า ดวงวิญญาณของผู้ตายต้องข้ามไป ให้ถึงเพื่อไปสู่ชีวิตหลังความตาย เเต่คุณจะได้ไปหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าตอนมีชีวิตอยู่คุณทำอะไรไว้บ้าง แม่น้ำ Sanzu จะเป็นผู้สำรวจการกระทำของคุณทั้งหมดที่ผ่านมา คนทำดีจะข้ามสะพานที่มีอุปสรรค ทุกอย่างจะราบรื่น แต่หากใครทำชั่วไว้มาก จะข้ามสะพานที่เต็มไปด้วยสิ่งสกปรก ที่มีทั้งงูและสัตว์เลื้อยคลานอื่นอีกมากมาย


 


10.Ploutonion

เป็นเมืองโบราณของ Hierapolis ปัจจุบันตั้งอยู่ในประเทศตุรกี ครั้งหนึ่งที่นี่เคยเป็นบ้านที่ถือว่าศักดิ์สิทธิ์ ที่จะนำไปสู่ Pluto ซึ่งเป็นเทพเเห่งความตาย แต่เพิ่งจะถูกค้นพบในปี 1965 นักโบราณคดีจึงประกาศให้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในปีเดียวกันนี้ ก๊าสที่เกิดจากความร้อนของน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงของ Pamukkale มาจากใต้ถ้ำ และระเหยออกมาเป็นพิษ ชาว Hierapolis เชื่อว่า ก๊าสเหล่านี้ส่งมาจากเทพ Pluto ซึ่งเป็นพิธีกรรมหนึ่งจะนำไปสู่นรก แต่ก็มีนักเเสวงบุญจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางมาที่นี่เพื่อถวายชีวิตให้กับ Pluto เพื่อเป็นการเเสดงออกถึงความจงรักภักดีที่มีต่อท่าน


 


 


ขอบคุณข้อมูล CatDumb , tsood.com



10 สถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อว่าเป็น "ประตูสู่นรก" เมื่อทราบถึงตำนานอันสยอง ฟังเเล้วถึงกับไม่กล้าไปเที่ยวกันเลย
ใหม่กว่า เก่ากว่า