ในขณะที่พิธีกรรมบางประเภทอาจข้องเกี่ยวกับสิ่งที่เรียบง่ายเช่น การสวดมนต์ภาวนาหรือการนั่งสมาธิเงียบๆคนเดียว แต่ก็มีพิธีกรรมอีกจำพวกหนึ่งซึ่งพัวพันกับสิ่งที่โหดร้ายรุนแรงและน่ากลัว และนี้คืิออันดับพิธีกรรมต้องห้ามจากทั่วทุกมุมโลก ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะยังคงมีให้เห็นกันอยู่ บนโลกแห่งอารยธรรมสมัยใหม่ใบนี้
1. ลัทธิกินศพ
กลุ่มลัทธิ Aghori อาศัยอยู่ในเมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายว่าเป็นลัทธิกินศพ พวกเขาเชื่อว่าสิ่งที่มนุษย์กลัวที่สุดคือกลัวการตายของตัวเอง และความกลัวนี้มันเป็นสิ่งขวางกั้นการรู้แจ้งทางจิตวิญญาณ ดังนั้นด้วยการเผชิญหน้ากับความกลัวนั้น ผู้นั้นสามารถบรรลุถึงความรู้แจ้งได้
มันมีคน 5 ประเภทตามความเชื่อของศาสนาฮินดูว่าเมื่อเสียชีวิตจะไม่สามารถทำพิธีเผาศพได้คือ นักบวช, เด็ก, หญิงท้องหรือหญิงที่ยังไม่แต่งงาน, และคนที่เสียชีวิตจากโรคเรื้อนหรือถูกงูกัด คนเหล่านี้จะถูกทำพิธีโดยการนำไปลอยน้ำที่แม่น้ำคงคา ซึ่งกลุ่มลัทธิ Aghori จะดึงศพขึ้นมาจากน้ำและเริ่มต้นพิธีกินศพ
2. พิธีกรรมเต้นรำดวงอาทิตย์
ชาวอเมริกันพื้นเมืองเป็นที่รู้จักในการปฏิบัติพิธีกรรมมากมายเพื่อเป็นเกียรติแก่ดวงวิญญาณของโลก พิธีกรรมนั้นหมายถึงการสวดภาวนาต่อวิญญาณอันยิ่งใหญ่ และถวายชีวิตตนเองขณะที่ยังคงติดต่อโดยตรงกับต้นไม้แห่งชีวิต ผิวหนังตรงหน้าอกของผู้ทำพิธีจะถูกเจาะด้วยไม้เสียบซึ่งมีเชือกผูกติดกับไม้ค้ำเสมือนเป็นสัญลักษณ์แทนต้นไม้แห่งชีวิต จากนั้นผู้ทำพิธีจะเคลื่อนที่ไปมาเพื่อให้หลุดออกจากไม้เสียบซึ่งยังคงฝังอยู่ใต้ผิวหนัง การเต้นรำนี้อาจใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะเสร็จสิ้นพิธีกรรม
3. พิธีกรรมเฆี่ยนตีตนเอง
ผู้นับถือนิกายชีอะห์ของศาสนาอิสลามจะปฏิบัติพิธีกรรมการเฆี่ยนตีตนเองทุกๆปีในช่วงเดือนศักสิทธิ์ของมุฮัรรอม เพื่อระลึกถึงความทุกข์ทรมานของ Hussein หลานชายของศาสดามูฮัมหมัด อีกนัยหนึ่งอาจอธิบายได้ว่ามันเป็นแค่การแสดงที่น่าสยดสยอง ผู้ชายจะตวัดใบมีดที่ติดกับโซ่ไปทั่วร่างของตนเอง มันอาจจะฟังดูโหดร้ายรุนแรงและน่าเจ็บปวด แต่ในมุมมองทางศาสนาของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย
4. ดิ่งพสุธา
ในหมู่บ้าน Bunlap ซึ่งอยู่บนเกาะในหมู่เกาะแปซิฟิค มีการทำพิธีแปลกๆซึ่งชื่อว่า Gkol หรือดิ่งพสุธา ซึ่งคล้ายกับเป็นต้นฉบับของ บันจี้ จัมพ์ ชาวบ้านจะร้องเพลงและเต้นรำพร้อมๆกัน บางคนจะตีกลองในขณะที่มีอาสาสมัครก้าวมาข้างหน้าเพื่ออาสาจะกระโดด พวกเขาจะผูกเถาวัลย์รอบๆข้อเท้า และกระโดดจากหอคอยไม้ซึ่งสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อพิธีกรรมนี้
เห็นได้ชัดว่าผู้ร่วมทำพิธีไม่ใส่ใจที่อาจจะทำให้ตัวเองกระดูกหักได้ เขาว่ากันว่าหากยิ่งกระโดดสูงมากเท่าไหร่ ยิ่งการีนตีว่าคุณจะได้รับพรจากพระเจ้ามากเท่านั้น
5. วูดูและการครอบงำทางจิตวิญญาณ
Vodun เป็นศาสนาหนึ่งในแอฟริกาตะวันตก หนึ่งในพิธีกรรมของศาสนานี้คือการทำให้คนๆหนึ่งเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณและมนุษย์ และคนนี้จะถูกพาเข้าไปในป่า เพื่อติดต่อสื่อสารกับวิญญาณที่มีชื่อว่า Sakpata และวิญญาณนั้นจะเข้ามาสิ่งในร่างซึ่งทำให้คนๆนั้นหมดสติ และจะคงอยู่ในสภาพนั้นเป็นเวลา 3 วัน โดยไม่มีน้ำและอาหาร จนท้ายที่สุดเขาก็จะกลับมามีสติด้วยพิธีกรรมอีกรูปแบบหนึ่ง
6. พิธีศพแห่งเวหา
ในทิเบต ชาวพุทธจะปฏิบัติพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์แปลกๆที่เรียกว่า Jhator หรือพิธีศพแห่งเวหา ชาวพุทธเชื่อในวัฏจักรของการเกิดใหม่ ซึ่งหมายถึงมันไม่จำเป็นที่จะต้องเก็บรักษาศพเอาไว้ หลังจากที่วิญญาณได้เคลื่อนไปอีกโลกหนึ่งแล้ว ร่างของผู้ตายจะถูกนำไปยังสถานที่โล่งแจ้ง โดยปกติจะเป็นพื้นที่ราบสูง และถูกทิ้งไว้ให้แร้งมากัดกิน เสมือนเป็นการบริจาคทาน
7. พิธีเดินลุยไฟ
เป็นหนึ่งในพิธีกรรมชำระล้างซึ่งเกี่ยวข้องกับการเดินลุยไปบนถ่านที่ลุกเป็นไฟอยู่ เป็นที่เชื่อกันว่าไฟนั้นจะสามาระเอาชนะสิ่งสกปรกและขับไล่สิ่งชั่วร้ายได้ ดังนั้นการเดินลุยไฟจึงมีความหมายถึงความตั้งใจของคนนั้นที่จะปลดปล่อยตัวเองให้พ้นจากความชั่วร้าย
8. เต้นรำกับศพ
Famadihana หมายถึง การหมุนกลับของกระดูก คืองานพื้นเมืองที่จัดขึ้นในมาดากัสกา ผู้เข้าร่วมเชื่อกันว่าหากร่างกายของผู้ตายเน่าเปื่อยเร็วเท่าไหร่ ดวงวิญญาณก็จะไปถึงโลกหลังความตายเร็วเท่านั้น พวกเขาจะขุดศพขึ้นมา เต้นไปพร้อมๆกับศพซึ่งมีดนตรีสดอยู่ทั่วสุสาน จากนั้นก็ฝังศพนั้นใหม่ พิธีแปลกๆนี้จะมีขึ้นในทุกๆ 2 หรือ 7 ปี
9. การเจาะร่างกาย
เทศกาลกินเจประจำปีในจังหวัดภูเก็ต ประเทศไทยนั้นมีการจัดพิธีกรรมที่รุนแรงที่สุดขึ้น เทศกาลทำร้ายตัวเองอย่างรุนแรงนี้คือการที่ผู้เข้าร่วมจะเสียบหอก, มีด, ดาบหรือตะขอตรงบริเวณแก้ม มันมีความเชื่อกันว่าพระเจ้าจะเข้ามาสู่ร่างกายของพวกเขาระหว่างการทำพิธีนี้ และป้องกันพวกเขาจากสิ่งชั่วร้ายและนำพามาซึ่งสิ่งดีๆให้แก่สังคม
10. พิธีกรรมแห่งความตาย
ชนเผ่า Yanomami แห่งป่าอะเมซอน คือหนึ่งในชนเผ่าที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ในทรรศนะของพวกเขา ความตายนั้นไม่ใช่ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ศพนั้นจะถูกเผา และนำเถ้าถ่านที่เหลืออยู่มาผสมรวมกับกล้วยหมัก จากนั้นชาวเผ่าก็จะกินเข้าไปเสมือนกับเป็นวิธีที่จะทำให้แน่ใจได้ว่าผู้ที่ตายไปนั้น มีชีวิตอยู่ท่ามกลางพวกเขา
11. การขีดขูดผิวหนัง
เผ่าๆหนึ่งในประเทศปาปัวนิวกินีชื่อว่า Kaningara จะปฎิบัติพิธีกรรมเปลี่ยนแปลงร่างกายที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณระหว่างพวกเขาและสภาพแวดล้อม
ที่มา