เราชื่อหลิว บ้านอยู่ต่างจังหวัด ตอนเราอายุ 7 ขวบพ่อออกเรือไปหาปลาแล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย ฐานะทางบ้านก็เริ่มแย่ลง แม้ว่าทุกปีหมู่บ้านจะมีเงินช่วยเหลือ แต่เงินแค่เล็กน้อยก็เพียงพอแค่เป็นค่าเทอมของเรากับน้องชายเท่านั้น ไม่พอสำหรับเอามาใช้จ่าย แถมที่บ้านยังมีปู่กับย่าอีก
(เป็นเพียงรูปประกอบเท่านั้น)
แม่เองก็ทำประมงไม่เป็น ดินแถวบ้านก็ปลูกอะไรไม่ขึ้น ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปทำงานต่างเมือง แม่ไปเป็นแม่บ้านและพี่เลี้ยงให้กับคนมีตังค์ครอบครัวหนึ่ง เนื่องจากแม่เป็นคนทำอาหารอร่อย เจ้าของบ้านก็เลยให้เงินเดือนค่อนข้างดี ส่วนเรากับน้องก็ให้ปู่ย่าเป็นคนเลี้ยง
ตอนนั้นเรากับน้องเข้าโรงเรียนแล้ว เพราะเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นทำให้เราสองคนค่อนข้างพูดรู้เรื่อง และตั้งใจเรียนมาก ปกติแล้วในห้องเรียนก็จะได้ที่ 1 ที่ 2 ตลอด ทำให้แม่ภูมิใจมาก
แต่พอเราขึ้นม.ต้นแม่ก็โดนไล่ออก แม่บอกว่าเป็นเพราะลูกชายเจ้าของบ้านปีนขึ้นไปเล่นบนที่สูง แม่ไปห้ามแล้ว แต่เด็กก็ยังตกลงมาแขนหัก ทั้งๆที่เด็กเล่นซนจนเจ็บตัวเอง แต่ก็ไม่ยอมรับ เอาความผิดมาโยนให้แม่ นายผู้ชายก็เลยโกรธจนลงมือกับแม่แล้วก็ไล่แม่ออก โชคดีที่ยังได้เงินเดือนงวดสุดท้ายมา
(เป็นเพียงรูปประกอบเท่านั้น)
และมีค่าเดินทางให้ แถมนายผู้หญิงยังให้เพิ่มมาอีก 5 หมื่น บอกว่าสามีเธอไม่ควรทำร้ายคนอื่นนี่เป็นค่าปลอบใจ แม่เราก็ไม่ได้เถียงอะไร ยังว่าบ้านนั้นถือว่าใจดีแล้ว หลังจากนั้นแม่เราก็เลยมาเปิดร้านขายของชำเล็กๆแถวบ้านเอง ซึ่งก็พอไปได้ดี
ต่อมาเรากับน้องสอบเข้ามหาลัยได้ พวกเราใช้วิธีเรียนไปทำงานไป บวกกับขอทุนด้วยเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระแม่ ตอนเรียนมหาลัยเราสองพี่น้องก็ไม่เคยมีแฟนเพราะมัวแต่หาเงิน
พอเรียนจบออกมาทำงาน มีอยู่ครั้งนึงเราไปร่วมงานแต่งเพื่อนสนิทคนนึงในมหาลัย ก็เลยได้มีโอกาสรู้จักแฟนเราที่ทั้งสูง หล่อ รวย เราคุยกันถูกคอ เขาไม่เหมือนลูกเศรษฐีที่เราเคยเจอในมหาลัยที่หยิ่งๆ แต่กลับกันเขาเป็นคนมีมารยาท อย่างกับสุภาพบุรุษนักเรียนอังกฤษ เรายอมรับว่าสาเหตุที่เขาคบกับเราเพราะรูปลักษณ์ภายนอกของเรามีส่วนอย่างมาก ใครล่ะจะไม่ชอบผู้หญิงสวย?
หลังจากคบกันได้ระยะหนึ่ง เราก็เล่าเรื่องที่บ้านให้ฟัง หลังจากเขารู้ว่าที่บ้านเราฐานะค่อนข้างยากจน ก็ไม่ได้รังเกียจ แถมยังปลอบใจ ให้กำลังใจ และแนะนำเราด้วย
ทำให้เรารู้สึกซาบซึ้งมาก ในที่สุดเราก็ตัดสินใจพาเข้ากลับไปเจอแม่เราที่ต่างจังหวัด ตอนที่เราบอกว่าบ้านอยู่ไหนเขาก็ตะลึงไป ถามเขาว่าทำไม เขาว่าเหมือนเคยได้ยินที่อยู่นี้มาก่อน
เราหัวเราะ แต่คาดไม่ถึงว่าพอเปิดประตูเข้าบ้านไปแล้วเจอแม่เรา เขาจะคุกเข่าลงกับพื้นทันที
แฟนเราน้ำตาไหลพรากพูดกับแม่เราว่า : “น้าเหมย คิดไม่ถึงว่าเป็นน้าจริงๆ ผมขอโทษ เรื่องนั้นผมผิดเอง หลังเกิดเรื่องผมอยากขอโทษน้า แต่ผมหาวิธีติดต่อน้าไม่ได้เลย ผมรู้ว่าบ้านเกิดน้าอยู่ที่ไหน แต่ก็ไม่รู้ว่าน้าจะกลับไปที่นั่นหรือเปล่า…..”
ที่แท้ แฟนเราก็คือเด็กที่ตอนนั้นแม่เราไปดูแล แม่เราพูดตอบยิ้มๆ “ลุกขึ้นเถิดคุณหนู เรื่องนั้นน้าไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจหรอก แขนหายดีแล้วใช่มั้ยคะ รีบลุกขึ้นเร็ว ลุกขึ้น ลุกขึ้น”
วันนั้นแม่เราทำอาหารเยอะแยะเต็มโต๊ะ แฟนเรากินอย่างเอร็ดอร่อย พอเราพาเขาไปเที่ยวเล่นริมทะเล
แฟนเราดีใจจนออกนอกหน้า โชคชะตานี่น่าทึ่งจริงๆ คาดไม่ถึงว่าคุณน้าที่ดูแลผมมาตั้งแต่เล็กๆ จะกลายเป็นแม่ยายของผมในอนาคต โคตรมีความสุขเลย
(เป็นเพียงรูปประกอบเท่านั้น)
เราก็คิดอย่างนั้น แม่จะต้องเห็นด้วยที่เราคบกันแน่ๆ แต่คาดไม่ถึงว่าพอส่งแฟนขึ้นรถกลับไป แม่กลับพูดประโยคที่เหมือนฟ้าผ่า:
แม่ไม่เห็นด้วยที่เราจะคบกัน ยิ่งไม่เห็นด้วยที่จะแต่งงาน เหตุผลก็คือ ต่างกันเกินไป แม่บอกว่าท่านรู้ว่าบ้านแฟนเราฐานะดีแค่ไหน ถึงพยายามที่จะอยู่ด้วยกัน ไม่ช้าไม่นานก็ต้องมีปัญหา แล้วพอถึงตอนนั้นคนที่ทรมานก็คือเรา
แม่ยังพูดต่อว่า “ลูกรัก ไม่ใช่ลูกไม่ดีพอ แต่เพราะแม่ต่างหากที่ทำได้ไม่ดีพอ ไม่สามารถให้สิ่งดีกว่านี้กับลูกได้” เราบอกแม่ “แม่คะ อย่าพูดอย่างนั้น แม่ให้หนูมามากพอแล้ว”
เราคิดถึงสิ่งที่แม่พูด มันมีเหตุผล และเราก็เคยคิดมาก่อน แต่สมัยนี้ต่างกับสมัยก่อน เราเองก็พยายามที่จะเลื่อนตัวเองขึ้นไป อาจจะเหมาะสมกับเขาก็ได้ ดีไม่ดีพ่อแม่เขาอาจจะยินดีที่เราสองคนคบกัน
เรารักเขาด้วยใจจริง เดือนหน้าเราจะไปพบพ่อแม่เขา หวังว่าความรักของเราจะสามารถผ่าฟันทุกอย่างไปได้ เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะ
ที่มา liekr
พาแฟนไปเจอแม่ครั้งแรก พอเขาเห็นแม่ก็ “คุกเข่าลงไป” แล้วแม่ก็พูดในสิ่งที่เราคิดไม่ถึง…