10 เรื่องเกี่ยวกับ “หน้ากากซูโม่” หรือ “ลิเดีย ศรัณย์รัชต์” นอกจากร้องเพลงดีแล้ว ยังมีชีวิตดีอีกด้วย

วันนี้ จะพาทุกคนไปรู้จักนักร้องสาวเสียงดี ลิเดีย ศรัณย์รัชต์ ที่หลายๆคนคิดว่าเธอคนนี้คือหน้ากากซูโม่ ใน The Mask Singer

สาวสวยตัวเล็ก เสียงสูง ใส และกังวาลคนนี้ ลิเดีย ศรัณย์รัชต์ ที่ตอนนี้มีลูกน้อยน่ารักๆมาให้เหล่าแฟนคลับชื่นใจแล้ว หลายๆคนยังสงสัยว่าเธอคนนี้คือหน้ากากซูโม่ ใน The Mask Singer หน้ากากสาวแสนน่ารักพร้อมวลีประจำตัว โมว่าาา… กับ 10 เรื่องน่ารู้ของลิเดีย ที่ไปเดากันดีกว่าว่าจะใช่หน้ากากซูโม่จริงๆหรือไม่

ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม ลิเดีย เกิดวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2530 ตอนนี้ก็อายุครบ 30 ไปหมาดๆ

2. คำว่า Lydia มีที่มาจากภาษาโปแลนด์ ซึ่งทั้งชื่อจริงและชื่อเล่นมีความหมายเดียวกันว่า “ความสำเร็จ”

3. รู้หรือไม่ว่าเธอเป็นกอล์ฟตั้งแต่อายุเพียง 14 ปีเท่านั้น!!โดยเธอเคยเข้าร่วมแข่งขันมาแล้วหลากหลายรายการ ดังนี้

– Asia Pacific Junior Golf Tournament Championship (11th place)

– Thailand International Junior Golf Championships (2nd place)

– Nike (Thailand) Junior Golf Tournaments (1st and 2nd place)

– Nivea Invitation (2nd place)

4. ด้วยว่าพ่อของเธอนั้นเป็นนักธุรกิจสนามกอล์ฟและอุปนายกสมาคมกอล์ฟอาชีพแห่งประเทศไทย

5. ลีเดียเริ่มเรียนร้องเพลง แนว R&B ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ กับครูวสันต์ เกตุแก้ว (ซึ่งเคยเป็นครูสอนร้องเพลงให้กับ ปาน ธนพร)

6. ลิเดียสามารถสอบเข้าเรียนต่อได้ที่มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 11 ในอเมริกา

7. เธอเป็นศิลปินคุณภาพตัวจริง โดยเธอได้รับรางวัลจากหลากหลายแขนงดังต่อไปนี้

1. ศิลปินหญิงเดี่ยวยอดเยี่ยม Season Awards 2005

2. นักร้องหญิงยอดเยี่ยม จากเวที Seed Awards

3. ศิลปินหญิงเดี่ยวยอดเยี่ยม female choice singer seventeen

4. Zen Stylish Women Award 2008 และ Popular Vote

8. ไม่ธรรมดาจริงๆสำหรับสาวคนนี้ เพราะเธอสามารถพูดได้ถึง 3 ภาษา โดยมีภาษาไทย, อังกฤษ และ สแปนิช ที่เธอพูดได้คล่องปร๋อเลยทีเดียว

9. นอกจากเธอจะสวยและมีความความสามารถที่เพรียบพร้อมแล้ว เธอยังรักน้องหมามากที่สุด เรียกได้ว่าหากใครได้เกิดเป็นหมาของเธอแล้วอาจจะสบายกว่าการเกิดเป็นคนเสียอีก! เพราะเธอปรนนิบัติน้องหมาของเธออย่างดี เพราะเธอได้ส่งไปเรียนคอร์สว่ายน้ำ และกินแต่ของดีๆมีประโยชน์อีกด้วย เรียกได้ว่าน่าอิจฉาเจ้าดั๊งกี้ กับเจ้าปารีสจริงๆ