การชาร์จมือถืออาจเป็นได้ทั้งสิ่งที่ง่ายที่สุดและยากที่สุดในเวลาเดียวกัน เพราะเอาเข้าจริงๆแล้วเราไม่ได้แค่เสียบสาย USB แล้วตั้งทิ้งไว้เฉยๆ คุณต้องรู้วิธีการชาร์จเพื่อรักษาคุณภาพแบตของท่านและการชาร์จแบตนั้นพฤติกรรมส่วนมากแล้วจะเข้าใจกันแบบผิดๆ วันนี้ไข่เจียวจึงนำความรู้เรื่องนี้มาให้อ่าน เป็นพฤติกรรมการชาร์จสมาร์ตโฟน ที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้น
1. ไม่ควรชาร์จสมาร์ทโฟนทิ้งไว้ข้ามคืนจะทำให้โอเวอร์ชาร์จและระเบิดได้ การชาร์จมือถืออาจเป็นได้ทั้งสิ่งที่ง่ายที่สุดและยากที่สุดในเวลาเดียวกัน เพราะเอาเข้าจริงแล้วเราไม่ได้แค่เสียบสาย USB แล้วตั้งทิ้งไว้เฉยการชาร์จสมาร์ทโฟนข้ามคืนเป็นอะไรที่ใครๆ ก็ทำกัน เพื่อที่เราจะได้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับแบตเตอรีเต็มเปี่ยมพร้อมใช้งานได้ตลอดวันใหม่ แต่ก็มักจะมีคนเตือนเราอยู่เสมอว่า การชาร์จทิ้งไว้ทั้งคืนแบบนี้อาจทำให้แบตเตอรีลุกไหม้ หรือถึงขั้นระเบิดได้จากการโอเวอร์ชาร์จ และอุบัติเหตุทำนองนี้ก็มักจะเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ และไม่ได้ช่วยให้แบตใช้ได้นานขึ้น เมื่อแบตเต็ม 100% ก็คือเต็ม ปล่อยถึงเช้าก็ไม่ช่วยอะไรนะคะ
2. ไม่ชาร์จไปเล่นไป เพราะจะทำให้เครื่องร้อนมากขึ้น เพราะประเทศไทยก็ร้อนอยู่แล้ว พฤติกรรมการใช้สมาร์ตโฟนของเราก็อาจส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม เช่น ชาร์จแบตเตอรี่ไปเล่นไป โดยเฉพาะการเล่นเกมที่ทำให้เครื่องร้อนเร็วขึ้น จะยิ่งทำให้เซลล์แบตเตอรี่เสื่อมลงไวยิ่งกว่าเดิม
3.อย่าให้โทรศัพท์หมดเกี้ยงแล้วค่อยชาร์จ การปล่อยให้แบตเตอรีสมาร์ทโฟนหมดเกลี้ยงแล้วค่อยชาร์จจนเต็มไม่ได้ช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรีขึ้นเลย กลับกันมันยังทำให้แบตเสื่อมเร็วอีกด้วย
4.หากไม่ใช้สมาร์ตโฟนควรมีแบตเตอรี่ที่ต่ำกว่า 100% Schulte ระบุว่า แบตเตอรี่ประเภท Lithium-ion จะมีอายุการใช้งานที่มากขึ้นหากมีความจุแบตเตอรี่ที่อยู่ระหว่าง 30-50% หากคุณมีแผนที่จะไม่ใช่สมาร์ตโฟนในช่วงระยะเวลาหนึ่งก็อย่าชาร์จสมาร์ตโฟนจนเต็ม แต่ให้ตัวเครื่องมีความจุแบตเตอรี่เอาไว้ที่ 30-50%
5.ไม่ควรชาร์จ แล้วถอดเข้าถอดออกถ้าแบตยังไม่เต็ม เพราะจะทำให้รูที่ชาร์จพังเร็วและเสี่ยงที่จะแบตเสื่อมได้
ใครที่มีพฤติกรรมแบบนี้อยู่ต้องลดลงแล้วนะคะ เพราะจะทำให้แบตของท่านเสื่อมเร็วมากขึ้นและอาจจะได้เปลี่ยนแบตก้อนใหม่เร็วกว่าที่กำหนดอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก : Dominik Schulte กรรมการผู้จัดการของบริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่ของ
ข่าวจาก : tkvariety