ไขข้อสงสัย เปิดแอร์อุณหภูมิเท่าไหร่จึงประหยัดค่าไฟมากที่สุด

เริ่มเข้าสู่หน้าร้อนเป็นช่วงที่หลายคนมักนิยมเปิดใช้งานเครื่องปรับอากาศกันแทบตลอดทั้งวัน เพราะสภาพอากาศที่ร้อนจัดนั้นย่อมทำให้รู้สึกไม่สบายตัวหงุดหงิด และผลที่ตามมานั้นก็คือ ค่าไฟในช่วงดังกล่าวจึงเพิ่มสูงมากขึ้นแบบพุ่งกระฉูดกันเลยทีเดียว

หลายคนเกิดมีคำถามในใจเช่นกับ สมาชิกพันทิปหมายเลข 1406175 ตั้งกระทู้คำถามว่า “เราควรเปิดแอร์อุณหภูมิเท่าไหร่จึงประหยัดค่าไฟมากที่สุด”

ต่อมาก็มีชาวเน็ตเข้ามาแนะนำแนวทางการเปิดแอร์ที่ช่วยประหยัดค่าไฟในช่วงหน้าร้อนเช่น

ช่วงนี้อากาศเริ่มร้อนมากแล้ว  และมีลมใต้พัดเอาความชื้นเข้ามามากครับดังนั้น  เปิด 25 องศา  นี่ไม่ต้องคิดเลยเพราะจะเปลืองไฟมาก  แนะนำให้เปิด 27 องศาและใช้พัดลมเป่ามาที่บริเวณเราอยู่  การเปิดแอร์ 27 องศาจะทำให้ความชื้นลดลง  จะหายใจได้ดีขึ้นและสบายตัวด้วย  การเปิดพัดลมจะช่วยเน้นลมเย็นมาที่เรามากขึ้น  จะสบายตัวขึ้นไปอีกครับ

หากมีพัดลมแบบตั้งโต๊ะ  ควรตั้งพัดลมที่พื้นและเป่าลมเงยมาที่ตัวเราครับเพราะอากาศเย็นจากแแอร์จะไปกองอยู่ที่พื้น  ทำให้เราเย็นสบายได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้

กลางวันไม่เปิดแอร์ เปิดเฉพาะพัดลมตั้งโต๊ะ เปิดพัดลมดูดอากาศเท่านั้นเปิดเฉพาะกลางคืน 25 องศา แอร์เป็นแบบธรรมดา ไม่เปิดพัดลม ก็นอนหลับสบายๆดีครับ

ผมใช้มิตซู อีโคโน ปกติเปิดที่ 25 องศา พอจะนอนก็กดปุ่มอีโคโน (อุณหภูมิอยู่ที่ 27 แรงลมอยู่ในโหมดออโต้ครับ) แค่นี้ก็หนาวแล้วแต่ผมสงสัยนะ คนเลือกแอร์ส่วนใหญ่เพราะเสียงเงียบไม่รบกวนการนอน นี่เอาไปเปิดพัดลมให้มันมีเสียงอีก ไม่เข้าใจครับ

ตอนผมเปิดแอร์อยู่หอตอนกลางวันถ้าวันไหนร้อนมาก ผมเปิด 26-27 แล้วปรับให้แอร์ส่องมาที่ผมครับ (หรืออาจจะเปิดพัดลมช่วยเอา)ถ้าวันไหนไม่ร้อนเท่าไร ผมเปิด 24 และไม่เปิดพัดลมเป่าอะไรทั้งสิ้นครับส่วนตอนนอน 21-22 ครับ ไม่เปิดพัดลม

เปิดโหมดกำจัดความชื้นครับ ประหยัดไฟดี ถ้าร้อนค่อยสลับไปโหมด cool @ 25 องศา พอเริ่มหนาวก็สลับเป็นโหมดกำจัดความชื้น

       สรุปอุณหมูิภายในห้องที่เหมาะสมคือ 27 องศาเพราะการเปิดพัดลมจะช่วยเน้นลมเย็นมาที่เรามากขึ้นไม่จำเป็นต้องเปิดแอร์ 25 องศาก็ได้ เน้นเฉพาะจุดจะสบายตัวขึ้นไปอีกค่าไฟก็จะไม่พุ่งกระฉูดตามมาอีกด้วย

“การเปิดแอร์พร้อมพัดลม ประหยัดไฟได้มากกว่าการลดอุณหภูมิของแอร์ เพราะพัดลมช่วยเพิ่มความเร็วลม เพิ่มการเคลื่อนที่ของอากาศ ทำให้เกิดการระบายความร้อนจากร่างกาย ทำให้รู้สึกเย็นสบายขึ้น โดยที่อุณหภูมิห้องยังคงเท่าเดิม”

ขอขอบคุณที่มา : สมาชิกหมายเลข 1406175 , kaijeaw

ใหม่กว่า เก่ากว่า