เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสาระที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ พญ.ณัฐกานต์ ชื่นชม หรือ หมอเบียร์ อายุรกรรมโรคติดเชื้อ รพ.แม่สอด จ.ตาก ออกมาให้ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊ก Nuttagarn Chuenchom ว่าด้วยเรื่อง มะตึ่งยาง หรือที่เรียกกันว่า ลูกเนียง ซึ่งเป็นอาหารพื้นบ้านประจำถิ่น รสชาติถูกปากใครหลายคน แต่ก็มีอันตรายเช่นเดียวกัน
โดย พญ.ณัฐกานต์ ได้ระบุว่า เข้าหน้าฝนเดือนพฤษภาคมของทุกปี เรามักจะเจอโรคประจำถิ่น ยุงทำให้เกิดไข้เลือดออกฉันใด ลูกเนียงหรือมะตึ่งยางก็ทำให้ไตวายได้ฉันนั้น
ลูกเนียงหรือมะตึ่งยาง (djenkol bean)เป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆคน รสชาติคล้ายกับสะตอ ลูกเหรียง คนนิยมเอามาต้มจิ้มน้ำพริก หรือกินดิบ ซึ่งการกินแบบดิบๆหรือสุกไม่ทั่วมันก่อพิษได้ (Djenkol Bean Poisoning: Djenkolism)
ผู้ชายไทยอายุเพียง 30 ปี ไม่เคยมีโรคประจำตัวใดๆ แข็งแรงมาก กินลูกเนียงดิบปริมาณมากจิ้มน้ำพริกอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อสองวันก่อน 1วันต่อมาเริ่มปวดท้องน้อยหน่วงๆ ต่อมาปัสสาวะลำบากมาก เป็นเลือดแดงสด และไม่กี่ชั่วโมงต่อมาปัสสาวะไม่ออกเลยจึงมา รพ หลังจากใส่ท่อปัสสาวะพอมีปัสสาวะออกมาให้ตรวจก็พบเป็นตะกอนเหลืองขุ่น และส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์พบผลึกรูปเข็มของกรดอะมิโนที่ชื่อ กรดเจงโคลิก เต็มไปหมด มีเม็ดเลือดแดงปนออกมาจำนวนมาก ตรวจเลือดพบว่ามีภาวะไตวายเฉียบพลัน ค่า creatinine ขึ้นไปถึง 9.2 ในขณะที่คนปกติมีค่าน้อยกว่า 1.0 ตอนนี้กำลังให้สารชนิดด่าง(ไบคาร์บอเนต) ดริปทางหลอดเลือดดำเพื่อช่วยให้ผลึกเหล่านั้นละลายและไม่อุดตันท่อไต เช้านี้ปัสสาวะเริ่มออกมากขึ้นและเหลืองปนแดงจาง รอลุ้นกันค่ะว่าเขาจะได้ฟอกไตหรือไม่… นอกจากเคสนี้ก็มีเคสอื่นๆที่นอนอยู่ในวอร์ดอีก 3 คนค่ะ
การเกิดพิษของลูกเนียงไม่ได้เกิดกับมนุษย์ทุกคนนะคะ.. แต่เราไม่ทราบว่าจะเกิดกับใครบ้าง การเกิดไตวายเกิดจากกรดเจงโคลิกที่มีในลูกเนียงดิบ เมื่อปัสสาวะของคนไข้ที่มีสภาพเป็นกรด กรดอะมิโนตัวนี้ไม่สามารถละลายได้จึงทำให้ตกผลึกไประคายเคืองระบบปัสสาวะ ไปบาดทำให้เลือดออก ไปอุดตันแบบเฉียบพลัน ทำให้มีปัสสาวะเป็นเลือดและปัสสาวะไม่ออก ยิ่งกินมากอาการยิ่งรุนแรง อาการจะเกิดภายใน 2-14 ชั่วโมงหลังกินลูกเนียง ถ้ามีอาการเมื่อไหร่.. ต้องรีบมาโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเพื่อรักษาทางการแพทย์ รอช้าอาจจะไตวายหรือเสียชีวิตได้ค่ะ ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากคือ เด็กเล็กๆ และผู้ที่มีภาวะไตเสื่อมอยู่แล้ว
การป้องกันไม่ให้เกิด คือ ทำลายกรดเจงโคลิคในลูกเนียงให้ได้มากที่สุดก่อนรับประทานด้วยการต้มน้ำร้อนเดือดให้สุกมากกว่า 10 นาที หรือต้มในสารโซเดียมไบคาร์บอเนต หรือผ่าฝานบางๆตากแดดก่อนนำมาต้ม แต่จะสามารถทำลายพิษได้มากน้อยแค่ไหนเราวัดไม่ได้แต่น่าจะมากกว่า 50%
ดังนั้นประชาชนที่บริโภคพึงระวังให้มากๆโดยทำลายพิษให้ได้มากที่สุดก่อนรับประทาน หลังรับประทานให้ดื่มน้ำมากๆ และหากมีอาการผิดปกติดังกล่าวให้มาพบแพทย์ทันทีอย่ารอช้าค่ะ ..
ต้องขอโทษพ่อค้าแม่ขายด้วยค่ะที่ต้องออกมาเตือนประชาชนตรงนี้ อยากให้ทุกท่านกินลูกเนียง กินอย่างถูกต้อง และพอประมาณนะคะ จะได้ไม่อร่อยปากแต่ลำบากไตค่ะ
Credit รูปภาพตะกอนปัสสาวะ และผลึกเจงโคลิกได้รับความอนุเคราะห์จากคุณ ศศิ บุญมี เจ้าหน้าที่ห้องแลปโรงพยาบาลแม่สอด รูปลูกเนียงจากเวปไซด์ เชียงใหม่นิวส์ค่ะ
ขอบคุณ Nuttagarn Chuenchom , siamtopic