กระจ่าง! พระอภัยมณีกับนางเงือกร่วมรักกันยังไง ทั้งๆที่เป็นคนละสายพันธุ์ รู้แล้วแทบไม่อยากจะเชื่อ!

เชื่อว่าหลายท่านก็คงจะคาใจอยู่ไม่น้อย สำหรับเรื่องของจุดกำเนิดของ “สุดสาคร” ที่พ่อแม่อย่าง  “พระอภัยมณี” สมสู่กับ “นางเงือก” สมสู่กันได้อย่างไร ในเมื่อ พระภัยฯ เป็นมนุษย์ ล่าสุดทางเพจ เขียนไทย ได้ออกมาเฉลยถึงเรื่องนี้ โดยระบุว่า…


พระอภัยมณี X นางเงือกจากทางไหน?


ช่วงนี้ใกล้วันสุนทรภู่ 26 มิถุนายนแล้ว จึงอยากจะเขียนอธิบายเกี่ยวกับเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่สักเล็กน้อย คนที่รู้จักเรื่องพระอภัยมณีคงเข้าใจในเบื้องต้นว่า พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณ ถูกให้ออกจากเมืองมา จนนางผีเสื้อลักพาตัวไป จากนั้นอยู่ด้วยกันจนมีพยานรักด้วยกัน 1 ชีวิตคือสินสมุทร วันหนึ่งผีเสื้อสมุทรออกจากถ้ำไปหาอาหาร สินสมุทรจึงออกไปเที่ยวเล่นน้ำ ขณะสินสมุทรว่ายน้ำอยู่ได้เห็นสิ่งมีชีวิตประหลาด ในบทประพันธ์ได้กล่าวไว้ว่า


“ด้วยหน่อนาถชาติเชื้อผีเสื้อสมุทร


ดำไม่ผุดเลยทั้งวันก็กลั้นได้


ยิ่งถูกน้ำกำลังยิ่งเกรียงไกร


เที่ยวเลี้ยวไล่ขี่ปลาในสาชล


ระลอกซัดพลัดเข้าในปากฉลาม


ลอดออกตามซีกเหงือกเสือกสลน


เห็นฝูงเงือกเกลือกกลิ้งมากลางชล


“คิดว่าคนมีหางเหมือนอย่างปลา”


สิ่งมีชีวิตประหลาดที่เรียกว่า “เงือก” นั้นเป็นคน แต่มีหางเหมือนปลา ทำให้หลายคนเข้าใจว่า ท่อนบนของเงือกเป็นคน ส่วนท่อนล่างเป็นปลา เมื่อพระอภัยมณีได้นางเงือกจนเกิดโอรสคือ สุดสาครขึ้นมา ทำให้คนอ่านคิดกันเล่น ๆ ว่า พระอภัยมณีได้กับนางเงือกทางไหน แล้วก็มีคนให้คำตอบแบบขำ ๆ ว่า “เข้าทางไหนก็ออกมาทางนั้นแหละ” ซึ่งนางเงือกก็ได้สำรอกสุดสาครออกมาทางปาก และในบทอัศจรรย์ระหว่างพระอภัยมณีกับนางเงือกก็ไม่ได้บอกลึกซึ้งถึงเส้นทางด้วย (ขอไม่เอ่ยบทอัศจรรย์แล้วกัน มันจะหวาดเสียวเกินไป)


แต่ยิ่งสงสัยเข้าไปอีก ถ้าใครอ่านพระอภัยมณีถึงช่วงท้ายที่พบว่า นางเงือกนั้นได้ถูกพระอินทร์ตัดหาง เพื่อให้นางเงือกกลายเป็นมนุษย์ นางเงือกเมื่ออาศัยอยู่กับพระฤๅษีที่เกาะแก้วพิสดาร ก็ภาวนารักษาศีล จนกระทั่งอานิสงส์ของนางทำให้ที่นั่งของพระอินทร์นั้นแข็ง จากนั้นพระอินทร์ก็ลงมาทำให้นางเป็นมนุษย์ด้วยการตัดหาง เพื่อให้นางเงือกได้กลับไปหาสุดสาคร ที่ในขณะนั้นเป็นกษัตริย์แล้ว


ปัญหาคือ ถ้านางเงือก มีท่อนบนเป็นคน ท่อนล่างเป็นปลา เมื่อตัดหางแล้วจะเป็นมนุษย์ได้อย่างไร? ตอนพระอินทร์มองลงมาดูโลกเห็นนางเงือกนั้นมีบทบอกลักษณะนางเงือกว่า


เห็นมัจฉาภาวนาสติตั้ง


ที่ริมฝั่งคงคาชลาสินธุ์


“รูปเป็นนางหางเป็นปลาอยู่วาริน”


นิสงส์ศีลดลพระทัยให้เมตตา


เห็นปลากำลังภาวนาอยู่ที่ริมน้ำ รูปร่างเป็นมนุษย์ผู้หญิง(นาง)มีหางอาศัยอยู่ในน้ำ อานิสงส์จากการถือศีลของนางทำให้พระอินทร์มีใจเมตตาต่อนาง จากวรรค “รูปเป็นนางหางเป็นปลาอยู่วาริน ถ้ารวมกับบทตอนสินสมุทรพบเงือกว่า “คิดว่าคนมีหางเหมือนอย่างปลา” แล้วจะพบว่า เงือกในพระอภัยมณีนั้นรูปร่างเหมือนมนุษย์ทุกอย่าง มีแขนมีขา และมีหางปลาด้วย เมื่อมีขาฉะนั้นหางปลาต้องอยู่ที่ก้น พอตัดหางที่ก้น ก็จะกลายเป็นมนุษย์บริบูรณ์ ยืนยันว่าเงือกมีแขนขา จากตอนที่นางผีเสื้อสมุทรจับพ่อแม่เงือกกินว่า(มีปรากฏอยู่ในหนังสือแบบเรียนด้วย)


“แล้วนางยักษ์หักขาฉีกสองแขน


ไม่หายแค้นเคี้ยวกินสิ้นทั้งคู่”


สรุปว่า เงือกไทย ไม่ใช่ Mermaid แบบฝรั่ง ที่มีท่อนบนเป็นคน ท่อนล่างเป็นปลา แต่เงือกไทย เป็นคนแต่มีหางปลาออกไปทางก้น  และพระอภัยมณีสมสู่กับนางเงือกแบบที่ทำกับมนุษย์ปกติ


เสริม1 นางเงือกเมื่อเป็นพระราชมารดา ได้รับการสถาปนาเป็น นางจันทวดีพันปีหลวง


เสริม2 นางเงือกไม่ได้สำรอกสุดสาคร แต่คลอดด้วยฤทธิ์ของฤษีและเทวดาในเกาะ


#ภาพพระรามตัดหางมัจฉานุจากเรื่องรามเกียรติ์เพื่อเทียบเคียงการตัดหางนางเงือกในเรื่องพระอภัยมณี  ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่


ที่มา kaijeaw



กระจ่าง! พระอภัยมณีกับนางเงือกร่วมรักกันยังไง ทั้งๆที่เป็นคนละสายพันธุ์ รู้แล้วแทบไม่อยากจะเชื่อ!
ใหม่กว่า เก่ากว่า